กู้คืนเฟซบุ๊กหลังโดนแฮก ทำยังไง? สเต็ปบายสเต็ปสำหรับมือใหม่
- HKT
- 15 พ.ค.
- ยาว 1 นาที
จู่ ๆ ก็ล็อกอินเข้าเฟซบุ๊กไม่ได้ มีโพสต์แปลก ๆ โผล่ในชื่อของเรา หรือเพื่อนเริ่มทักมาถามว่า “ส่งคลิปอะไรมาเนี่ย?” ถ้าใช่... คุณอาจกำลังเผชิญกับ “การถูกแฮกเฟซบุ๊ก” โดยไม่รู้ตัว
แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ในยุคที่ทุกคนออนไลน์เกือบตลอดเวลา การโดนแฮกไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป สิ่งสำคัญคือ เราต้องรู้ว่า “ทำยังไงถึงจะได้บัญชีคืน” และ “ต้องทำอะไรหลังจากนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอีก”
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก ขั้นตอนการกู้คืนบัญชีเฟซบุ๊กอย่างละเอียด สเต็ปบายสเต็ป โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่คุ้นกับระบบความปลอดภัยดิจิทัล หากท่านได้อ่านและลองทำตามแล้วยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สามารถติดต่อทางเรา รับแฮกเฟซบุ๊ก ที่มีผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพในการช่วยแก้ปัญหาของท่า
ก่อนอื่น: รู้ให้แน่ก่อนว่า "โดนแฮก" จริงหรือเปล่า? ก่อนจะรีบกดกู้คืนหรือเปลี่ยนรหัส ให้เช็กสิ่งเหล่านี้ก่อนว่าคุณ “โดนแฮกจริง” หรือแค่ลืมรหัส/ระบบมีปัญหา
1. สัญญาณที่บ่งบอกว่าบัญชีอาจโดนแฮก:
ล็อกอินไม่ได้ ทั้งที่พิมพ์รหัสผ่านถูกต้อง
มีการแจ้งเตือนว่า “มีการเข้าสู่ระบบจากอุปกรณ์ใหม่” ที่คุณไม่ได้ทำ
ชื่อบัญชี, รูปโปรไฟล์, หรืออีเมลเปลี่ยนไปเอง
มีโพสต์/ข้อความแปลก ๆ ไปยังเพื่อนหรือกลุ่มที่คุณไม่เคยทำ
เพื่อนทักมาบอกว่าได้รับลิงก์หรือคลิปแปลก ๆ จากคุณ
หากมีข้อใดข้อหนึ่งเกิดขึ้น โอกาสที่บัญชีคุณจะถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตมีสูงมาก
ขั้นตอนที่ 1: ใช้ระบบกู้บัญชีจาก Facebook โดยตรง
Facebook มีหน้าเฉพาะสำหรับกรณีบัญชีถูกแฮก คุณสามารถเริ่มต้นที่นี่ได้ทันที:
ไปที่: https://www.facebook.com/hacked ระบบจะพาคุณเข้าสู่ “ขั้นตอนการยืนยันตัวตน” โดยมีตัวเลือกต่าง ๆ เช่น:
กรอกอีเมลหรือเบอร์โทรที่เคยผูกไว้กับบัญชี
ตอบคำถามเพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าของบัญชีจริง
ส่งรหัส OTP ไปยังอีเมลหรือเบอร์โทร
หมายเหตุ: แม้แฮกเกอร์จะเปลี่ยนอีเมลหรือเบอร์ไปแล้ว แต่ในหลายกรณี Facebook ยังใช้ข้อมูลเดิมบางส่วนอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้เจ้าของบัญชีตัวจริงกู้คืนได้
ถ้ายังล็อกอินได้: รีบเปลี่ยนรหัสผ่านก่อน
ถ้าคุณยังเข้าบัญชีได้ทัน ให้ทำสิ่งนี้ทันที:ไปที่ การตั้งค่า > ความปลอดภัยและการเข้าสู่ระบบ เปลี่ยนรหัสผ่าน ออกจากระบบจากอุปกรณ์ทั้งหมด ปิด 2FA
ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบอีเมลและเบอร์โทรที่เชื่อมกับบัญชี บางครั้ง แฮกเกอร์จะเปลี่ยน อีเมลหรือเบอร์โทร ที่ผูกกับบัญชีเพื่อไม่ให้คุณกู้คืนได้
วิธีเช็ก (ถ้ายังเข้าบัญชีได้): ไปที่ การตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ ดูที่ ข้อมูลการติดต่อ ลบอีเมลหรือเบอร์ที่คุณไม่รู้จัก เพิ่มอีเมลหรือเบอร์ที่คุณใช้งานจริงเข้าไปใหม่
หากคุณเข้าไม่ได้ และไม่มีอีเมลหรือเบอร์โทรที่เชื่อมกับบัญชีแล้ว ให้เลือก “ไม่มีสิ่งใดที่กล่าวมาข้างต้น” ในหน้ากู้บัญชี แล้วทำตามระบบต่อ
เคล็ดลับ: ถ้ามีอีเมลที่แฮกเกอร์เพิ่มเข้ามา คุณอาจได้รับอีเมลแจ้งเตือนจาก Facebook พร้อมลิงก์ “ยกเลิกการเปลี่ยนแปลง” ถ้าคุณเจอลิงก์นั้น รีบกดภายใน 24 ชั่วโมง!
ขั้นตอนที่ 3: รายงานบัญชีของคุณว่า "ถูกแฮก"
ในกรณีที่คุณล็อกอินไม่ได้เลย ไม่สามารถเข้าระบบ ไม่สามารถกู้ผ่าน OTP ได้ และระบบแจ้งว่าไม่มีบัญชีของคุณ คุณยังสามารถรายงาน Facebook ว่าบัญชีของคุณถูกแฮกได้
กรอกแบบฟอร์มตามที่ Facebook ขอ เช่น:
ชื่อเต็ม อีเมลเดิม ลิงก์โปรไฟล์ (ถ้าจำได้) คำอธิบายสั้น ๆ ว่าบัญชีถูกแฮกอย่างไร
จากนั้นรอทีมงานตรวจสอบ อาจใช้เวลา 1–3 วันทำการ หากทุกอย่างตรงกัน มีโอกาสสูงที่บัญชีจะได้คืน
ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบกิจกรรมทั้งหมดของบัญชี (ถ้าได้บัญชีคืนแล้ว) การได้บัญชีคืนมา ไม่ใช่จุดจบ แต่คือจุดเริ่มต้นของการป้องกันครั้งใหม่ เพราะคุณไม่รู้ว่าระหว่างที่บัญชีคุณถูกเข้าถึง แฮกเกอร์ทำอะไรไปบ้าง
เช็กสิ่งเหล่านี้ทันที: ดูโพสต์ย้อนหลัง: มีโพสต์แปลก ๆ หรือไม่? ถ้ามี → ลบทิ้ง
ตรวจสอบ Messenger: มีข้อความที่คุณไม่ได้ส่งหรือไม่?
ดูรายชื่อเพื่อน: มีคนแปลกหน้าเพิ่มเข้ามาไหม?
ตรวจสอบการเชื่อมต่อกับแอปอื่น ๆ: ไปที่ การตั้งค่า > แอปและเว็บไซต์ แล้วลบทุกแอปที่ไม่คุ้น
ดูอุปกรณ์ที่เคยล็อกอิน: ไปที่ ความปลอดภัยและการเข้าสู่ระบบ → ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ใดบ้างที่เข้าถึงบัญชีคุณ
ถ้ามีใครได้รับข้อความหลอกลวงจากคุณ → รีบแจ้งให้เขารู้ว่า "บัญชีโดนแฮกแล้ว ตอนนี้กู้คืนและเปลี่ยนรหัสแล้ว"
ขั้นตอนที่ 5: ป้องกันไม่ให้โดนซ้ำ (เคล็ดลับแบบมืออาชีพ)
หลังจากกู้บัญชีกลับมาได้ สิ่งสำคัญคือ “อย่าให้มันเกิดอีก”
สิ่งที่ควรทำทันที: เปลี่ยนรหัสผ่านให้ ยาวขึ้น และเดายากขึ้น อย่าใช้รหัสผ่านซ้ำกับบัญชีอื่น เปิดใช้งาน 2FA อย่ากดลิงก์แปลก ๆ ไม่ว่าจากใคร ตรวจสอบความเป็นส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอ
เคล็ดลับเพิ่มเติม: ใช้ “Privacy Checkup” ที่ Facebook มีไว้ให้โดยเฉพาะ ไปที่ การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัว > ตรวจสอบความเป็นส่วนตัว
ถ้าทุกทางล้มเหลว: ติดต่อทีมช่วยเหลือของ Facebook แม้จะมีหลายช่องทางกู้บัญชี แต่บางครั้งบัญชีอาจถูกปิด ถูกแบน หรือถูกเปลี่ยนข้อมูลทั้งหมดจนไม่สามารถยืนยันตัวตนได้
ในกรณีแบบนี้ สิ่งที่คุณทำได้คือ: เข้าไปที่หน้า “ศูนย์ช่วยเหลือของ Facebook” ที่ https://www.facebook.com/help/ พิมพ์ว่า “บัญชีถูกแฮก” แล้วเลือกคำแนะนำจากระบบ ถ้าไม่มีผลลัพธ์ ให้ลองใช้บัญชีเพื่อนรายงานบัญชีของคุณว่า "ถูกแฮก"
หมายเหตุ: Facebook ไม่มีระบบแชตสด (live chat) สำหรับบัญชีส่วนตัว
อย่าหลงเชื่อคนที่อ้างว่าสามารถ “กู้บัญชีให้ได้” หรือ “แอดมินเฟซบุ๊ก” — อาจเป็นมิจฉาชีพแฝงตัว!
สรุป
การโดนแฮกอาจทำให้คุณรู้สึกเหมือน “โดนขโมยตัวตน” แต่ถ้าคุณตั้งสติ ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และไม่รีรอ โอกาสในการกู้คืนบัญชีจะสูงมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ เรียนรู้จากเหตุการณ์ และสร้างเกราะป้องกันใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ไม่ใช่แค่ป้องกันตัวเอง แต่ควรแบ่งปันความรู้ให้คนรอบข้างด้วย
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณกู้คืนบัญชีและป้องกันการถูกแฮกได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพบปัญหาหรือมีคำถามเพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โดยทางเรามีบริการ รับแฮกเฟซบุ๊ก หรือกู้คืนบัญชีโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อเราได้เลย !

Comments