สมัยนี้ เรารู้สึกกันไหมในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะแพล็ตฟอร์มไหนก็ตาม น่าจะรู้สึกเหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้คนเราพูดจา (พิมพ์) ถึงกันแบบรักษาน้ำใจกันน้อยลง ในการเจอกันแบบต่อหน้านั้น โดยทั่วไปเราจะพยายามรักษามารยาทหรือรู้สึกเกรงใจโดยเฉพาะกับคนไม่รู้จัก แต่ในโลกออนไลน์กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ถ้อยคำร้ายแรงเชือดเฉือนหรือตัดสินถูกผิดไปก่อนเกิดขึ้นได้โดยง่าย ทั้งที่มีการใช้กฎหมายหมิ่นประมาทหรือพรบ.คอมพิวเตอร์ฯ มาเป็นกรณีตัวอย่างอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้หยุดยั้งการทำร้ายกันด้วยวาจาในภาพรวม
ความนิรนาม (anonymity) คือสถานะที่บุคคลสามารถทำกิจกรรมหรือสื่อสารโดยไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งในโลกออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและให้ผู้คนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม ความนิรนามก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
- ความเป็นส่วนตัว : ช่วยให้ผู้คนสามารถพูดคุยหรือแบ่งปันความคิดเห็นโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกระบุชื่อ
- เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น : ช่วยให้ผู้คนกล้าแสดงออกและแสดงความคิดเห็นที่อาจจะไม่สะดวกใจในการเปิดเผยตัวตน
- ป้องกันการตีตรา : ทำให้ผู้ที่มีความคิดเห็นหรือประสบการณ์ที่แตกต่างสามารถพูดได้อย่างอิสระ
ข้อเสีย
- การขาดความรับผิดชอบ : บางคนใช้ความนิรนามในการกระทำที่ไม่เหมาะสม เช่น การกลั่นแกล้งออนไลน์หรือการโพสต์ข้อความที่เป็นอันตราย
- การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ : ความนิรนามทำให้คนสามารถแพร่กระจายข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงได้ง่าย
- การลดทอนคุณค่าของการสื่อสาร : บางครั้งการพูดคุยที่ไม่มีการระบุชื่ออาจทำให้การสื่อสารสูญเสียความจริงจังและคุณค่า
เพราะฉะนั้น การที่คนเราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนในโลกออนไลน์ ก็เป็นได้ทั้งผลดี และ ผลเสีย ซึ่งคนเราอาจจะนำตัวตันที่ไม่ต้องเปิดเผยนั้น ไปทำการทำร้ายผู้อื่นได้ง่าย ดังที่เราเห็นตามโลกโซเซี่ยลปัจจุบันนั้นเอง
การที่คนเราใจร้ายกับคนไม่รู้จักในโลกออนไลน์อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
- ความไม่รู้สึกผิด : การสื่อสารออนไลน์ทำให้เรารู้สึกว่ามีระยะห่าง และสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการกระทำของเราได้
- อารมณ์ชั่ววูบ : บางครั้งความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกโพสต์ออกไปอาจเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ โดยเฉพาะในช่วงที่เราเครียดหรือโกรธ
- วัฒนธรรมของการวิจารณ์ : บางครั้งการวิจารณ์หรือการใช้คำพูดที่รุนแรงถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติในสื่อสังคม ทำให้เกิดการเลียนแบบและปลูกฝังพฤติกรรมนี้ในหมู่คนอื่นๆ
- ขาดความเห็นใจ : เมื่อไม่เห็นหน้าหรือรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ทำให้เราขาดความเห็นใจต่อผู้อื่น
- ความรู้สึกเหนือกว่าหรือการแสดงพลัง : บางคนอาจรู้สึกว่าการโจมตีหรือด่าทอคนอื่นทำให้พวกเขารู้สึกมีอำนาจหรือเหนือกว่าผู้อื่น
การส่งเสริมความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจในโลกออนไลน์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อสร้างสังคมที่ดีกว่า การส่งเสริมความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจในโลกออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างสังคมดิจิทัลที่ดีขึ้น นี่คือแนวทางที่สามารถทำได้
การศึกษาและการให้ข้อมูล
- จัดโปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้คำพูดและการกระทำออนไลน์
- แชร์บทความหรือวิดีโอที่สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการเห็นอกเห็นใจ
ส่งเสริมการสื่อสารเชิงบวก
- สนับสนุนการใช้คำพูดที่สร้างสรรค์และเป็นกำลังใจในโพสต์และความคิดเห็น
- สร้างแคมเปญหรือแฮชแท็กที่เน้นการให้กำลังใจและการสนับสนุนกัน
การมีส่วนร่วมในชุมชน
- ร่วมมือกับกลุ่มหรือองค์กรที่ส่งเสริมความเข้าใจและการให้ความช่วยเหลือในชุมชนออนไลน์
- จัดกิจกรรมหรือการสนทนาออนไลน์ที่เน้นการฟังและการเข้าใจมุมมองของผู้อื่น
ตัวอย่างที่ดี
- คนที่มีอิทธิพลในโลกออนไลน์ควรเป็นแบบอย่างในการใช้คำพูดที่เหมาะสมและมีความเห็นอกเห็นใจ
- แชร์เรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจเกี่ยวกับการช่วยเหลือและการเห็นอกเห็นใจกันในชุมชน
การจัดการกับการกลั่นแกล้ง
- สร้างมาตรการที่ชัดเจนในการจัดการกับการกลั่นแกล้งออนไลน์และการใช้คำพูดที่รุนแรง
- สนับสนุนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อให้รู้สึกปลอดภัยในการพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของตน
การใช้เทคโนโลยี
- ใช้แพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์ส่งเสริมการสนทนาเชิงบวก เช่น ระบบการให้คะแนนความคิดเห็นที่สร้างสรรค์
- พัฒนาแอปหรือเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนสามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจในทางที่เป็นบวก
การสร้างความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันในโลกออนไลน์ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน เพื่อสร้างสังคมที่เป็นมิตรและเปิดกว้างสำหรับทุกคน และลดปัญหา การกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ที่จะนำมาซึ่งผลร้ายแก่ผู้ที่โดนกลั่นแกล้ง
ผลกระทบทางจิตใจจากการใช้โซเชียลมีเดีย : เมื่อการเชื่อมต่อกลายเป็นภาระทางอารมณ์
ปัจจุบันโซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่ยากจะปฏิเสธ ตั้งแต่การติดต่อสื่อสารกับเพื่อนและครอบครัวไปจนถึงการแบ่งปันช่วงเวลาพิเศษและรับข้อมูลข่าวสารล่าสุด อย่างไรก็ตาม แม้โซเชียลมีเดียจะสร้างประโยชน์ให้ผู้ใช้งาน แต่ก็มีผลกระทบทางจิตใจที่ซ่อนอยู่ และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาว บทความนี้จะวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้น ตั้งแต่การเปรียบเทียบตนเอง การเกิดความเครียดและวิตกกังวลจากข้อมูลที่ล้นเกิน ไปจนถึงการสูญเสียความเป็นตัวเอง รวมถึงแนะนำวิธีการรับมืออย่างเป็นประโยชน์
1. การเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น : ผลกระทบทางจิตใจที่เกิดจากภาพลวงตาในโซเชียลมีเดีย
การเลื่อนดูภาพและข้อความที่เพื่อนหรือคนอื่นๆ โพสต์สามารถทำให้ผู้ใช้งานเกิดความรู้สึกอิจฉาหรือรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตของตนเองได้ โดยเฉพาะภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นให้ดูสมบูรณ์แบบ ทั้งการท่องเที่ยว งานเลี้ยงหรู หรือการประสบความสำเร็จที่ดูไร้ข้อบกพร่อง ส่งผลให้ผู้ใช้งานจำนวนมากมองว่าชีวิตตนเองไม่ดีพอ ซึ่งเป็นผลกระทบทางจิตใจที่เกิดจากการเปรียบเทียบอย่างไม่รู้ตัว
ตัวอย่างเช่น วัยรุ่นที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการดูเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตสุดหรูหรือรูปร่างหน้าตาที่ดูดีบนโซเชียลมีเดีย มักรู้สึกกดดันที่จะต้องปรับตัวให้เป็นเหมือนคนที่เห็น ซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกเครียดและการขาดความมั่นใจในตนเอง งานวิจัยพบว่าผู้ที่มีการใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไปมักมีแนวโน้มสูงที่จะประสบภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
2. ความเครียดและความวิตกกังวลจากข้อมูลล้นหลาม : ภาระทางอารมณ์จากข่าวสารและการเชื่อมต่อไม่รู้จบ
โซเชียลมีเดียเป็นแหล่งข้อมูลที่ไม่สิ้นสุด มีทั้งข่าวสาร การแชร์ประสบการณ์ และข้อมูลที่มักจะต้องการความสนใจจากผู้ใช้ แม้จะเป็นข้อมูลที่ผู้ใช้สามารถเลือกดูหรือเลื่อนผ่านได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการเชื่อมต่อกับข้อมูลเหล่านี้ทำให้เกิดความเครียดโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว
การได้รับข้อมูลเชิงลบหรือข่าวที่เกี่ยวกับปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ หรือภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง จะทำให้สมองรับรู้ว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับความเครียด งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศระบุว่า การรับข้อมูลเหล่านี้แบบไม่หยุดพักจะส่งผลให้ผู้ใช้งานมีระดับความเครียดสูงกว่าคนที่หลีกเลี่ยงการเสพสื่อบนโซเชียลมีเดีย และหากปล่อยทิ้งไว้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตในระยะยาว
3. การสูญเสียความเป็นตัวเอง : เมื่อความนิยมบนโซเชียลมีเดียเป็นตัวกำหนดคุณค่าในตนเอง
การได้รับยอดไลค์และความคิดเห็นเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรู้สึกดีกับตนเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีความต้องการได้รับการยอมรับมากขึ้น ผู้ใช้อาจเริ่มสูญเสียความเป็นตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น การโพสต์เนื้อหาที่ตนเองไม่ชื่นชอบจริง ๆ หรือการปรับภาพลักษณ์เพียงเพื่อให้เข้ากับกระแส ทำให้เกิดภาวะการขาดความมั่นคงในตนเอง และในระยะยาวผู้ใช้จะเริ่มรู้สึกว่างเปล่าและสับสนกับตัวตนจริง ๆ ของตนเอง
การศึกษาหนึ่งพบว่า ผู้ใช้ที่มีการปรับเปลี่ยนตนเองเพื่อเข้ากับกระแสมักประสบกับความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อไม่ได้รับการยอมรับ และต้องการโพสต์เนื้อหาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อเรียกยอดไลค์และคอมเมนต์ ส่งผลให้เกิดวงจรความเครียดและขาดความพอใจในตนเองอย่างต่อเนื่อง
4. การรับมือและสร้างสมดุลในการใช้งานโซเชียลมีเดีย : วิธีเปลี่ยนโซเชียลมีเดียให้กลายเป็นเครื่องมือที่ส่งเสริมสุขภาพจิต
วิธีการรับมือกับผลกระทบเหล่านี้คือการสร้างสติและการกำหนดขอบเขตในการใช้งานโซเชียลมีเดีย เริ่มต้นจากการกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการใช้งาน เช่น ลดการเลื่อนดูฟีดก่อนนอน หรือการตั้งค่าตัวเตือนเพื่อลดการเสพข้อมูลที่เกินจำเป็น นอกจากนี้ การเน้นการเชื่อมต่อกับบุคคลในชีวิตจริงหรือการเข้าร่วมกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายก็เป็นทางเลือกที่ดี
การฝึกสติ เช่น การปฏิบัติสมาธิและการฝึกหายใจ สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียสามารถจัดการกับอารมณ์ที่เกิดจากการใช้โซเชียลมีเดียได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การหมั่นคิดเชิงบวกและมองเห็นข้อดีของตนเองจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและช่วยให้การใช้งานโซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจมากกว่าทำลายสุขภาพจิต
สรุปผลกระทบทางจิตใจจากการใช้โซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดีย แม้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้น แต่กลับมีผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิตที่ควรระวัง โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ความเครียดจากข้อมูลที่มากเกินไป และการสูญเสียความเป็นตัวเองเพราะความต้องการได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง
เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ ควรสร้างสติและกำหนดขอบเขตการใช้งานโซเชียลมีเดีย ฝึกสมาธิเพื่อผ่อนคลาย และหมั่นเชื่อมต่อกับผู้คนในชีวิตจริง การควบคุมการใช้โซเชียลมีเดียอย่างระมัดระวังจะช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากการเชื่อมต่อ โดยไม่กระทบต่อสุขภาพจิต
บทความนี้เน้นถึงผลกระทบเชิงลึกที่เกิดขึ้นจากการใช้งานโซเชียลมีเดีย และแนะนำวิธีการจัดการเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิต การรู้เท่าทันและควบคุมการใช้งานโซเชียลมีเดียอย่างมีสติ จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่โดยไม่ทำลายสุขภาพจิตของตนเอง
ถ้าหากต้องการแก้ปัญหาเหล่านี้สามารถติดต่อมาทางเรา ทางเรามีบริการ รับแฮกเฟส รับแฮกไลน์ รับแฮกไอจี หรืออื่นๆ เพื่อช่วยปลดล้อกตัวคุณได้

Comments